การออกแบบ ของ แบบเรือประจัญบาน เอ-150

พื้นหลัง

เริ่มแรกแบบเรือประจัญบาน เอ-150 มีแผนที่จะติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 510 มม. (20.1 นิ้ว) 8-9 กระบอก โดยติดตั้ง 3 หรือ 4 กระบอกต่อป้อม จากความสำเร็จในการสร้างปืนใหญ่ขนาด 480 มม. (18.9 นิ้ว) ใน ค.ศ. 1920-1921 ทำให้ญี่ปุ่นมั่นใจว่าปืนใหญ่ขนาด 510 มม. (20.1 นิ้ว) สามารถสร้างขึ้นได้ นอกจากนี้ เรือต้องมีความเร็วสูงสุดที่ 30 นอต (35 ไมล์/ชม.; 56 กม./ชม.) เพื่อให้เรือในชั้นเร็วกว่าเรือประจัญบานชั้นนอร์ทแคโรไลนาของสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม ได้มีการตัดทอนรายละเอียดของเรือลงเมื่อการทดสอบระวางขับน้ำเต็มที่ของเรือมีค่าถึง 90,000 ตัน ซึ่งเรือขนาดนี้ "ใหญ่โตเกินไปและแพงเกินไป"[3]

รายละเอียด

การศึกษาออกแบบเริ่มต้นหลังการออกแบบทางวิศวกรรมของเรือชั้นยะมะโตะเสร็จสิ้นลง (1938–39) โดยมุ่งความสนใจไปที่ระวางขับน้ำของเรือต้องมีขนาดใกล้เคียงกับเรือยะมะโตะ[6] เนื่องจากญี่ปุ่นคาดว่าสหรัฐนั้นทราบรายละเอียดที่แท้จริงของเรือชั้นนั้นแล้ว (กล่าวคืออาวุธหลักมีขนาด 460 มม. (18.1 นิ้ว)) การใช้ปืนขนาด 510 มม. นั้นเป็นการคงไว้ซึ่งนโยบายเรือแต่ละลำต้องเหนือกว่าเรือสหรัฐที่ขนาดใกล้เคียงกันของญี่ปุ่น เอ-150 เป็นการโต้กลับการตอบโต้ของสหรัฐที่มีต่อเรือชั้นยะมะโตะ[3]

แม้แบบพื้นฐานเสร็จสมบูรณ์ใน ค.ศ. 1941[6] แต่เอกสารที่เกี่ยวข้องกลับมีชะตากรรมคล้ายกับเอกสารของเรือชั้นยะมะโตะ[7][8] นั้นคือเอกสารส่วนมากและแบบทางวิศวกรรมทั้งหมดถูกทำลายเมื่อสิ้นสุดสงคราม ทำให้ไม่สามารถทราบรายละเอียดทั้งหมดของเรือได้[3] เท่าที่ทราบเรือมีอำนาจการยิงเหนือเรือชั้นยะมะโตะ ด้วยหมู่ปืนหลักขนาด 510 มม. (20.1 นิ้ว) 6 กระบอก ติดตั้งในป้อมปืน 3 ป้อม ป้อมละ 2 กระบอก และปืนรองขนาดลำกล้อง 100 มม. (3.9 นิ้ว)/65 จำนวนมาก[6] ระวางขับน้ำใกล้เคียงกับเรือชั้นยะมะโตะคือประมาณ 60,000–70,000 ตัน[6] เกราะด้านข้างกราบเรืออาจหนาถึง 460 มม. (18 นิ้ว)[5] ซึ่งเป็นขนาดหนาเกินกว่าที่โรงงานเหล็กกล้าในญี่ปุ่นจะสามารถผลิตได้ มีการใช้ "แผ่นเกราะขนาบข้างเรือคู่ (double strake)" แทน ซึ่งจะให้ประสิทธิภาพดีกว่าแบบแผ่นเดี่ยว[6]

อาวุธยุทธภัณฑ์

แม้ว่าไม่สามารถระบุรายละเอียดของอาวุธขนาดเล็กในแบบได้ แต่หมู่ปืนหลักในแบบเป็นปืนใหญ่ขนาดลำกล้อง 510 มม. (20.1 นิ้ว)/45 6 กระบอก ติดตั้งสองกระบอกต่อป้อม ปืนเหล่านี้เป็นปืนขนาดใหญ่ที่สุดที่ติดตั้งในเรือหลวง ใหญ่กว่าปืนขนาด 460 มม. (18.1 นิ้ว) ที่ติดตั้งบนเรือชั้นยะมะโตะมาก[9] ในปี ค.ศ. 1941 ปืนใหญ่ 510 มม. หนึ่งหรืออาจจะสองกระบอกเริ่มการผลิตขึ้นที่อู่ทหารเรือคุเระ และรายละเอียดของป้อมปืนได้ถูกร่างขึ้น ป้อมปืนมีน้ำหนัก 2,780 เมตริกตัน เปลี่ยนแนวยิงได้ 2° ต่อวินาที มีแนวยิงทางราบทางกราบซ้ายหรือขวา 120° ปืนมีอัตราการยิงสูงสุด 1 ถึง 1.5 นัดต่อนาที มีมุมเงย -5° ถึง 45° มีอัตราการยกเงย 10° ต่อวินาที ปืนใหญ่หนัก 227 เมตริกตัน ยาว 23.56 ม. (928 นิ้ว) ปากกระบอกยาว 22.84 ม. (899 นิ้ว) กระสุนเจาะเกราะจะมีน้ำหนักระหว่าง 1,900-2,000 กก. (4,190-4,409 ปอนด์) ในขณะที่กระสุนระเบิดแรงสูงจะมีน้ำหนัก 1,858 กิโลกรัม (4,100 ปอนด์)[2]

หมู่ปืนรองที่มีจำนวนมากเป็นปืน 100 มม. (3.9 นิ้ว)/65 แม้ว่าจะไม่ใช้แบบสรุปสุดท้าย ปืนชนิดนี้เป็นปืนต่อต้านอากาศยานที่ดีที่สุดที่ผลิตโดยญี่ปุ่นระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง[10] โดยรวมแล้ว เป็นอาวุธที่ดีมากเมื่อเทียบกับอาวุธร่วมสมัยอื่นๆ ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่ทำให้ปืนชนิดนี้ประสบความสำเร็จคือ "ความเร็วปากกระบอกปืนสูงและมีอัตราการยิงที่รวดเร็ว" เป็นผลให้มีรอบการบำรุงที่สั้น นั่นคือ 350–400 นัดต่อรอบ ในการต่อต้านอากาศยาน เพดานยิงที่มุมเงย 90° คือ 13,000 ม. (43,000 ฟุต) มีระยะหวังผลคือ 11,000 ม. (36,000 ฟุต) ปืนมีอัตราการยิง 15–21 นัดต่อนาที[10]

ใน Battleships: Axis and Neutral Battleships in World War II (เรือประจัญบาน: เรือประจัญบานอักษะและฝ่ายเป็นกลางในสงครามโลกครั้งที่ 2) ผู้แต่ง วิลเลียม เอช. การ์ซคี (William H. Garzke) และ โรเบิร์ต โอ. ดับบลิน (Robert O. Dulin) ยืนยันว่าแบบเรือ เอ-150 เป็น "เรือประจัญบานที่ทรงอำนาจมากที่สุดในประวัติศาสตร์"[3] เพราะหมู่ปืนหลักขนาดยักษ์และหมู่ปืนรองที่เป็นปืนสองประสงค์[3]